2560-05-05

นั่งรถไฟจากหาดใหญ่ไปสิงคโปร์ (Singapore Part 1)

ครั้งนี้ถือเป็นการนั่งรถไฟครั้งที่สามในชีวิตของเรา 
และถือเป็นครั้งแรกที่นั่งรถไฟไปต่างประเทศ หาดใหญ่-สิงคโปร์
ด้วยความอยากลอง และอยากสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ก็เอาซะหน่อยละกัน

และความเชื่อที่ว่า การนั่งรถไฟ มันจะต้องมีอะไรมากกว่าสองข้างทาง
?
เก็บกระเป๋า พร้อมแล้วลุยเลย ปู้น ปู้นนน

ลำดับเส้นทางการเดินทาง
1 สถานีขนส่งหาดใหญ่ - ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา / (รถตู้)
2 ด่านปาดังเบซาร์(ฝั่งไทย) - ด่านปาดังเบซาร์(ฝั่งมาเลเซีย) / (รถ Taxi)
3 สถานี Padang Besar - สถานี Games / (รถไฟ KTMB)
4 สถานี Games - สถานี JB Sentral / (รถไฟ KTMB)
5 สถานี JB Sentral - สถานี Woodlands(สิงคโปร์) / (รถไฟเข้าเมือง)


1 สถานีขนส่งหาดใหญ่ - ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา.สงขลา / (รถตู้)
เริ่มต้นการเดินทางจากสถานีขนส่งหาดใหญ่ คิวรถตู้หาดใหญ่-ปาดัง 
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง ค่ารถคนละ 50 บาท รถจะออกทุกๆ 25 นาที 
รถจะมาส่งเราที่หน้าด่านปาดังเบซาร์(ฝั่งไทย)



หลังจากนั่งชิวในรถตู้ไปสักพักนึง ความตื่นเต้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ค่ะ 
เมื่อเราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เวลาที่มาเล จะเร็วกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งเรากำลังจะไปไม่ทันขึ้นรถไฟ !!!!
เพราะไม่ได้เผื่อเวลามาล่วงหน้า และไม่ทันได้คิดว่าเวลาที่เราจองตั๋วผ่านเว็บนั้นคือ เวลาของมาเล ...

ฉะนั้นตอนจองอย่าลืมเด็ดขาดว่านั่น คือเวลาของบ้านเค้า ไม่ใช่เวลาไทย ไม่งั้นอาจจะลุ้นเหมือนเราได้ค่ะ
ตอกย้ำความชัดเจนไปอีก ว่าขึ้นรถไฟไม่ทันแน่นอน เมื่อถึงด่านและต้องจ็อบพาสปอร์ต 
นี่คือแถว ตอนนี้เริ่มถอดใจแล้ว ว่าเอาไงดี หรือจะไม่ได้ไป


ซึ่งจากการคำนวนเวลา อีก 15 นาที รถไฟจะออก แล้วเรายังไม่ผ่านตม.เลย คือต้องไม่ทันแน่นอน!
แต่ทันใดนั้น พี่ Taxi บอกว่าลองไปคุยกับตม.ดู ขอเค้าว่าจะขึ้นรถไฟไม่ทันแล้ว เค้าอาจจะให้ไปก่อน
เราก็เลยเดินตามพี่ Taxi ไปยังห้องของตม. ซึ่งถือเป็นความโชคดี เราได้เจอตม.ใจดีม๊ากกกก 
เค้ารีบจ็อบพาสปอร์ตให้เรา และออกจากด่านไทยเพื่อเข้ามาเลได้อย่างรวดเร็ว 

แต่ลุ้นอีกรอบ เมื่อตม.มาเล ถามเราเยอะมาก ถามว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นมาหรอ บลาๆๆ 
เพราะเห็นในพาสปอร์ตเรา บอกได้เลยว่าตอนนั้นบอกเลยไม่มีอารมณ์จะคุยแล้วค่า 
จะขึ้นรถไฟไม่ทันแล้วค่า รีบจ็อบเถอะค่าา


2 ด่านปาดังเบซาร์(ฝั่งไทย) - ด่านปาดังเบซาร์(ฝั่งมาเลเซีย) / (รถ Taxi)
taxi (ราคา 20 เหรียญ ประมาณ 160 บาท) ขอเบอร์มาจากคิวรถตู้ค่ะ
หลังจากความรีบและลนเริ่มสงบลง พี่ Taxi ขับแบบเร็วมาก เพื่อให้ทันไปส่งเราขึ้นรถไฟ 
เหลือประมาณไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น เรานั่งแบบใจจดจ่อมาก ทันทีที่ลง Taxi แล้ว แบบวิ่งงงงง
และในที่สุด ขึ้นรถไฟทันค่าาา เหลืออีกไม่ถึง
5 นาที รถไฟก็ออก ออกแบบตรงเวลาเป๊ะมาก
ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ ...

3 สถานี Padang Besar - สถานี Games / (รถไฟ KTMB)
จองผ่านเว็บ https://intranet.ktmb.com.my/e-ticket/login.aspx เลือกวัน เวลา ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
เมื่อจองเรียบร้อยอย่าลืม
Print เอกสารด้วยนะคะ เพราะต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อเช็ครายละเอียดค่ะ



ความตื่นเต้นครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น กับความว้าวของรถไฟ
KTMB ซึ่งเป็นรถไฟของมาเลเซีย
ที่วิ่งโดยมีความเร็วประมาณ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใหม่เอี่ยมสะอาด นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ 

มีห้องน้ำ มีขนมเล็กน้อยแจกให้ทาน แต่ควรเตรียมอาหารขึ้นมาทานด้วย
เพราะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน และระหว่างสถานีไม่ได้แวะให้ลงไปซื้อของได้



รถไฟใหม่เอี่ยม นั่งสบาย แต่เบาะปรับเอนได้ไม่เยอะเท่าไรค่ะ 
อาจจะมีความเมื่อยเข้ามาทักทายเป็นระยะๆ ตลอดการเดินทางได้ค่า



เราสูงประมาณ
163 นั่งสบาย ยังมีที่ว่าง สำหรับการวางกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว 
แต่ที่จริงด้านบนมีที่วางของ แต่เราวางตรงพื้นเพื่อความสบายใจค่ะ ฮ่า



ชมวิวไปเพลินๆ สองข้างทาง สักพักใหญ่ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาแจกขนม 
เป็นขนมของมาเล อันบนที่เป็น Oat Krunch อร่อยๆ 
(แต่ตอนนั่งตอนขากลับไม่มีขนมแจกนะคะ อาจจะเป็นเพราะขากลับเรากลับเที่ยวกลางคืน)


ในรถไฟจะมีจอให้ดูหนัง ซึ่งหนังจะวนไปอยู่สองเรื่อง หากต้องการความบันเทิงเพิ่มเติม
อย่าลืมโหลดหนังใส่มือถือมานะค่า 
หน้าจอก็จะมีเวลา สถานีต่อไป สถานีปลายทาง และความเร็วของรถไฟ เป็นข้อมูลค่ะ






ภาพเพิ่มเติมภายในรถไฟที่เราถ่ายตอนนั่งขากลับ (คนน้อยมาก)
นักท่องเที่ยวอาจจะไม่นิยมการเดินทางแบบนี้สักเท่าไร ส่วนมากน่าจะเลือกนั่งเครื่องบินมากกว่าค่ะ 
แต่เรารับรองจะได้บรรยากาศของการนั่งรถไฟที่หาไม่ได้จากการนั่งเครื่องอย่างแน่นอน 
ตอนขากลับเรานั่งตู้ที่มีขายอาหารด้วย จะมีพวกแซนวิชแล้วก็เครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆ



4 สถานี Games - สถานี JB Sentral / (รถไฟ KTMB)
จากฟ้าสว่างจนฟ้ามืด เราก็เดินทางมาถึงสถานี Games 
เพื่อรอขึ้นขบวนใหม่ ระหว่างรอรถ เรามีเวลา 30 นาที บอกเลยว่าตอนนั้นหิวมาก 
ต้องหาของกินด่วน เลยเดินลงไปด้านล่างของสถานีซึ่งมีศูนย์อาหารขนาดเล็ก 
เพื่อหาอะไรมากินระหว่างเดินทางต่อ
















ถ้าพูดถึงความแซ่บ บอกเลยว่ามาม่าต้มยำน้ำข้นบ้านเราอร่อยกว่าเยอะมาก
แต่ ณ ตอนนั้น ได้ถ้วยนี้มาถือว่าโอเคแล้วละค่า ซดน้ำร้อนๆ ความแซ่บพอประมาณ
กินกับไก่ทอดก็โอเคอยู่นะ พร้อมเดินทางต่อไป ...



ภายในรถไฟ จะไม่ใหม่เหมือนรอบแรก เป็นรถไฟคนละแบบกัน มีความแคบและเก่ามากกว่า
คนไม่เยอะ หลังจากกินอาหารเรียบร้อย ความง่วงเริ่มมา ก็ได้เวลานอนกันดีกว่าค่า

 เวลาล่วงเลยผ่านไป พร้อมกับความเมื่อยมาทักทายเบาๆ ก็ถึงสถานี
JB Sentral แล้ววว เย่เฮ่

5 สถานี JB Sentral - สถานี Woodlands(สิงคโปร์) / (รถไฟเข้าเมือง)
อีกนิดเดียวเท่านั้น เราจะเข้าสู่จุดหมายปลายทางของเราแล้วค่ะ




หลังจากถึงสถานี JB Sentral เราก็ต้องนั่งรอ นอนรอ รอๆๆๆ จนเวลาตี 5 ที่ขายตั๋วก็เปิดให้บริการค่ะ
แป็ปเดียวคนก็มาเข้าแถวรอซื้อตั๋วเลย ได้ตั๋วเรียบร้อยก็ขึ้นรถไฟเข้าเมือง woodland (check point) ได้เลย 
เราไม่ได้รูปรถไฟมา อารมณ์เหมือนนั่งข้ามเมือง 5 นาทีเท่านั้น เราก็ถึงสิงคโปร์เรียบร้อย 
เรียกได้ว่าถึงซะทีค่ะ หลังจากเดินทางมายาวนาน

หลังจากเราลงรถไฟที่สถานี woodland (check pint)
เราต้องเดินมานั่งรถบัสเข้าเมืองเพื่อไป
woodland mrt
และซื้อบัตรรถไฟฟ้าหรือ MRT เพื่อเดินทางในประเทศสิงคโปร์นั่นเองค่า



สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ เราว่าไม่ได้ลำบากเหมือนในภาพที่คิดไว้ตอนแรก
พอมาได้นั่งจริง เราก็ได้คำตอบว่ามันมีอะไรมากกว่าสองข้างทางจริงแหล่ะ
ความอดทน การรอ ความหิว ความเมื่อย การดูหนังที่ไม่เคยได้ดู
การรู้จักอีกมุมนึงของคนที่ร่วมเดินทางกับเรา ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ที่เราจัดว่าเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ สำหรับการเดินทางครั้งนี้


:) 




2560-04-23

1 Day Trip หนึ่งวันในเมืองอยุธยา

 อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน นึกถึงวลีนี้ขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
และสถานที่ที่เรานึกถึงต้องเป็นวัด ซึ่งเป็นสถานที่มุ่งหมายสำหรับคนที่เดินทางมาจังหวัดนี้ 
... เราก็เป็นอย่างนั้นเช่นกันค่ะ ... แต่นอกจากวัด เรายังไปร้านกาแฟน่ารักในอยุธยาด้วยค่ะ

หนึ่งวันในอยุธยา เราสามารถจัด 1 day trip ที่เดินทางไปได้หลายวัด
เนื่องจากแต่ละวัดอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไร แต่สำหรับการมาอยุธยาของเราในครั้งนี้ 
เราเลือกไป 3 วัด (แต่เก็บภาพมาเพียง 2 วัด) + 1 ร้านกาแฟ (ไม่นับร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านขนมจีน) 


วัดที่ 1 : วัดพุทไธศวรรย์ 
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาวัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งมีฐานะเป็นพระอารามหลวง (พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา, ๒๕๐๐, หน้า ๒๑๕
ซึงสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว 3 ปี 
ถือเป็นวัดที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งในอยุธยา (ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม วัดพุทไธศวรรย์)

สำหรับเรารู้จักวัดนี้จากการดูละครเรื่องพิษสวาท จะเรียกว่าเป็นการตามรอยละครอย่างนั้นก็คงไม่ผิดเท่าไร เราเดินทางมาตอนเช้า 
ทั้งวัดมีนักท่องเที่ยวประมาณ 5-6 คน อันนี้รวมเรากับแม่แล้วน่ะ ได้บรรยากาศแบบที่ดูในละครได้เหมือนกันมีความเงียบ สงบ และสวยงาม
เหมือนที่ละครถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว 







วัดที่ 2 : วัดใหญ่ไชยมงคล
ถือว่าเป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาตร์มากที่สุดและเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
ซึ่งเมื่อเดินทางมาอยุธยาวัดนี้จึงเป็นจุดไฮไลท์ที่ทุกคนต้องแวะเพื่อถ่ายภาพความสวยงามของสถาปัตยกรรม และชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาอีกด้วยค่ะ






พักกินอาหาร ระหว่างเดินทางต่อ
แถวๆ หน้าวัดใหญ่ไชยมงคลจะมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน
สามารถเลือกกินตามใจชอบได้เลยค่ะ



ก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าวัดใหญ่



ขนมจีน น้ำยาปู ร้านอาหารใกล้ๆวัดใหญ่ 

ปิดท้าย 1 Day Trip หนึ่งวันในเมืองอยุธยา ด้วยร้าน Basic Space Coffee
ร้านกาแฟเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศ ที่เป็นมิตรสำหรับคนรักกาแฟ
ส่วนตัวเราไม่ทานกาแฟ เลยเลือกชาเขียวใส่มะพร้าว 
เห็นรูปจาก IG แล้วน่าลองมาก ต้องไม่พลาดที่จะสั่งค่ะ 





แล้วพบกันใหม่ ที่อยุธยา
...
:)