คนที่ชอบเกาะที่มีความเงียบสงบ แบบส่วนตัวสุดสุด ธรรมชาติสมบูรณ์ 100%
เกาะพยาม หรือ เกาะ-พะ-หยะ-ยาม จะเรียกอย่างนี้ก็คงจะไม่ผิด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คุณต้องไปทำความรู้จักค่ะ แต่ต้องบอกไว้สักนิดว่าตอนทีเราเดินทางพฤษภาคมเป็นช่วง Low Season แถมยังมีฝนทั้งวัน ดังนั้นใครจะเดินทางในช่วงไหนจึงควรศึกษาสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทางนะคะ
เริ่มการเดินทางด้วยการขึ้นรถที่สายใต้ใหม่ เราจองรถทัวร์ของบขส บริษัทขนส่งจำกัด999 เวลา 20:30 น. และเดินทางมาถึงยังจังหวัดระนองสถานที่เป้าหมายของเราในครั้งนี้เวลาประมาณ 06:00 น. กระซิบสักนิดว่าถ้าใครจะกดเอทีเอ็มที่ขนส่งระนองไม่มีนะคะ ต้องเดินออกไปกดแถวปั้มesso หรือห้องสมุด ซึ่งก็ไม่ไกลจากขนส่งระนองเท่าไหร่นัก เงินพร้อมกายพร้อมเดินทางต่อไปขึ้นเรือด้วยรถโดยสารสาธารณะ มีให้เลือกทั้งมอไซต์วิน หรือรถแบบพ่วงข้าง ค่ารถคนละ 50 บาท ถึงท่าเรือสะพานปลาสำหรับนั่งเรือต่อไปยังเกาะพยาม ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ค่าเรือแบบธรรมดา 150 บาท เราก็จะเดินมาถึงยังเกาะพยามแล้วค่ะ
สงสัยเหมือนกันว่าเด็กกำลังถืออะไรอยู่ในมือน่ะ แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
และแล้วความพยายาม ก็นำเรามาถึงเกาะพยาม พร้อมหยิบกล้องมาถ่ายภาพ "ป้าย"
ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ รอบเกาะพยาม เราขอตรงไปที่พักกันก่อนเลย เนื่องจากเดินทางมาร่วม 10กว่าชั่วโมง เลยอยากจะยืดเส้นยืดสายพักร่างกายสักหน่อย ที่พักของเราชื่อว่า PP Land Beach Eco Resort ห้องพักราคาคืนละ 600 บาทเท่านั้น! sea view ก้าวลงจากบ้านไม่ถึง 20 ก้าวก็ถึงหาดทราย ทะเลเลยค่ะ ส่วนห้องน้ำชอบมากเป็นพิเศษเย็นสบายเป็นที่สุด
หลังจากพักชาร์ตแบตเรียบร้อยแล้วพร้อมลุยต่อแล้วค่ะ หาร้านอาหารอร่อยกินกันดีกว่า
มื้อแรกที่นี่เราเลือกพยามseafoodจากท่าเรือเลี้ยวซ้ายตรงมานิดเดียวถึงเลยค่ะ อาหารส่วนมากจะเป็นอาหารทะเลเมนูเด็ดที่เราแนะนำคือกุ้งซอสมะขาม กุ้งตัวใหญ่ผัดกับซอสมะขามละมุนลิ้นมากๆๆ (300.-)
อิ่มท้องแล้วลุยยาววววกับสถานที่ท่องเที่ยวรอบเกาะพยาม สถานที่ที่เราสามารถเดินทางไปต้องใช้รถมอไซต์ (ค่าเช่ารถแบบเกียร์ธรรมดา 180.-ต่อวัน) การเดินทางต้องใช้ความพยายามมาก เนื่องจากแต่ละสถานที่ต้องอยู่ไกลกัน และเดินทางเข้าไปไกลมากกกกกว่าที่จะถึงอ่าว ซึ่งในช่วงที่เราไปเป็นหน้าฝน ฝนตกตลอดเวลาจะหยุดพักพอให้เราได้ถ่ายรูปแบบไม่ต้องกางร่วมสักครู่แล้วก็ตกมาใหม่เป็นอย่างนี้ทั้งวัน ทางถนนเป็นดินเป็นโคลนอยู่บ้าง สองข้างทางเป็นป่าซะส่วนมากเราจึงไม่ได้ออกไปที่ไหนมาก โดยหลักๆ จะเดินเล่นที่หาดที่รีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้ามาถึงที่เกาะพยามแล้วสถานที่ที่ไม่ควรพลาด....
- Blue Sky Resort แม้จะไม่ได้พักที่นี แต่เราก็แวะมานั่งเล่นรับบรรยากาศ และสั่งขนมมานั่งกิน (Blue Banana 165.-) รสชาติไม่เหมือนจากที่เคยอ่านรีวิวเท่าไหร่นัก แต่เราว่าเฉยๆ เหมือนแป้งห่อกล้วยทอดแล้วข้างในเป็นแยมบลูเบอรี่ เมนูอื่นๆก็มีอีกให้ลองเลือกชิมกันค่ะ ส่วนที่พักไม่ได้ภาพมามากนัก เพราะเป็นช่วงน้ำลด อาจจะไม่สวยเหมือนในช่วงน้ำขึ้นก็เป็นได้ค่ะ
- อ่าวใหญ่ แต่ละสถานที่ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง เพราะเราสามารถสอบถามเส้นทางได้จากชาวบ้านแถวๆนั้น หรืออ่านจากป้ายบอกทางได้อย่างไม่ยาก แต่เราก็กลัวหลงเหมือนกันเพราะแต่ละเส้นทางเข้าไปลึกมากกกกก ยิ่งเป็นช่วง Low Season ไม่ค่อยมีคนมากนัก ต่างจากช่วง High ที่ชาวต่างชาติมีมาจัดงาน Full Moon ที่อ่าวใหญ่ ช่วงนี้เราจึงเห็นอ่าวเงียบไปถนัดตา รีสอร์ทหลายแห่งปิดให้บริการ
- อ่าวเขาควาย ต้องใช้คำว่าทุลักทุกเลในการเดินทางมายังอ่าวเขาควายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากระยะทางไกลแล้ว ฟ้าฝนไม่เป็นใจตกกระหน่ำ เราเลยตัดสินใจพักรถที่นี่สักครู่แล้วค่อยเดินทางต่อ อ่าวเขาความคล้ายๆ บรรยากาศกับป่าโกงกาง น้ำแห้งเหือดไปสักหน่อยค่ะ
- วัดเกาะพยาม ระหว่างทางที่จะไปรีสอร์ทที่เราพัก ต้องขี่รถผ่านวัดเกาะพยามเป็นประจำตลอดทาง เป็นวัดที่มีพระประจำวัดเพียงไม่กี่รูป เป็นอีกที่หนึ่งที่เราได้จอดรถหลบฝน(อีกเช่นเคย)
เนื่องจากแต่ละที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานอย่างน้อย 3-4กิโล บวกับฝนที่ตกตลอดทั้งวัน เราจึงเลือกที่จะกลับรีสอร์ทไปเดินเล่นที่หาดส่วนตัวของรีสอร์ท และยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กให้ได้ลงไปเล่นกัน จากนั้นเราค่อยออกมาหาร้านอาหารรับประทานข้างนอกรีสอร์ทค่ะ ร้านอาหารแต่ละที่ต้องบอกว่ารสจัดจ้านมาก เราเป็นคนชอบกินเผ็ดอยู่แล้วจึงหมดห่วงเรื่องนี้เลย แต่ถ้าใครกินเผ็ดไม่ค่อยได้ต้องบอกแม่ครัวสักหน่อยนะคะ และเนื่องจากเป็นช่วง Low เหมือนเคยวัตถุในการปรุงอาหารจึงมีแบบไม่จัดเต็มเท่าที่ควร อาจจะไม่มีหมึก มีแต่กุ้ง(เราเจอแบบนี้หลายร้านเลย) แต่รับรองว่าจะได้เมนูถูกใจมากินให้อิ่มท้องในทุกมื้ออย่างแน่นอนค่ะ
ชื่อร้านสบายใจ อาหารอร่อยราคาไม่แพง ถ้ามาจากท่าเรือตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
แมวร้านสบายใจ นอนสบายใจ
หลังจากอิ่มท้อง อิ่มกาย อิ่มใจ ที่เกาะพยาม เข็มนาฬิกาบอกเวลาให้เราเดินทางกลับแล้วสวนทางกับความต้องการของเราที่อยากอยู่ต่อที่นี่ก็ตาม เราเดินทางขึ้นเรือในเวลา 08:30 ถึง 10:00 เพื่อที่จะรอขึ้นรถกลับกรุงเทพในเวลา 14:30 **แต่ด้วยความเข้าใจผิดในการจองตั๋วเวลาขึ้นรถ 14:30 คือเวลาที่ระบุไว้เป็นรถออกจากภูเก็ตไม่ใช่ระนอง ซึ่งกว่าจะถึงระนองประมาณสองทุ่มกว่า เรากับเพื่อนที่เดินทางด้วยกันจึงตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดเยอะ ซื้อตั๋วใหม่เพื่อขึ้นรถกลับในเวลา 13:30 และเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพประมาณห้าทุ่มกว่า ขอบคุณการตัดสินใจเดินทางมา และเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
<< ค่าใช้จ่ายตลอดทริป >>
24/05/56
- รถทัวร์ 466.-
- รถไปท่าเรือ 50.-
- ค่าอาหารก่อนขึ้นเรือ 160.- // กระเพรา ขนม โกโก้ปั่น
- เรือแบบธรรมดา 150.-
- พยาม Seafood 400.-
- มอไซต์ 180.-
- น้ำมันรถ 30.-
- ข้าวที่รีสอร์ท 105.-
- ค่าทีพัก 600.-
รวม 2141.-
25/05/56
- ร้านอาหารสบายใจ 105.-
- ขนม ไอติม น้ำแข็ง 120.-
- อาหารเย็น 135.-
- รถทัวร์1 363.- รถทัวร์2 360.- (ซื้อสองครั้งเนื่องจากความผิดพลาดในการดูเวลา)
- ร้านอาหารระหว่างพักรถ // ก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ ชาเขียว 125.-
รวม 1083.-
รวมทั้งสิ้น 3224 / 1คน
<< ค่าใช้จ่ายตลอดทริป >>
24/05/56
- รถทัวร์ 466.-
- รถไปท่าเรือ 50.-
- ค่าอาหารก่อนขึ้นเรือ 160.- // กระเพรา ขนม โกโก้ปั่น
- เรือแบบธรรมดา 150.-
- พยาม Seafood 400.-
- มอไซต์ 180.-
- น้ำมันรถ 30.-
- ข้าวที่รีสอร์ท 105.-
- ค่าทีพัก 600.-
รวม 2141.-
25/05/56
- ร้านอาหารสบายใจ 105.-
- ขนม ไอติม น้ำแข็ง 120.-
- อาหารเย็น 135.-
- รถทัวร์1 363.- รถทัวร์2 360.- (ซื้อสองครั้งเนื่องจากความผิดพลาดในการดูเวลา)
- ร้านอาหารระหว่างพักรถ // ก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ ชาเขียว 125.-
รวม 1083.-
รวมทั้งสิ้น 3224 / 1คน